ในบรรดารถยนต์หลายประเภทในตลาด รถยนต์เก๋งเป็นรถยนต์แบบดั้งเดิมที่สุด การออกแบบที่คลาสสิกและสัดส่วนมาตรฐานของรถซีดานทำให้เป็นประเภทรถยนต์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ที่คุ้นเคยและขับง่าย และมักเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการทดลองหรือทดสอบรถ โดยรถซีดานทั่วไปมักมีพื้นที่ภายในห้องโดยสารพอสมควรเพื่อรองรับผู้โดยสารและสำหรับบรรทุกสิ่งของต่างๆ
หากคุณกำลังมองหาซื้อรถซีดาน นี่คือสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
1. ขนาดของรถ
สิ่งแรกที่ควรทราบคือรถซีดานมีหลายขนาดและหลายรุ่น ตั้งแต่ขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่ และยังมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างแต่ละยี่ห้อและผู้ผลิตแต่ละรายมักมีคำจำกัดความขนาดของตนเอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพิจารณาความต้องการของคุณก่อนตัดสินใจเลือกรถซีดานแต่ละรุ่นและแต่ละขนาด ซึ่งรถซีดานขนาดใหญ่มักจะมีราคาที่สูงกว่า และด้วยเหตุนี้อาจมีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น เบาะหนังหรือหลังคาซันรูฟ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขนาดของรถที่ใหญ่ขึ้นจึงอาจขับขี่และจอดรถได้ยากโดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ในเมืองและที่จอดรถที่คับแคบ ด้วยเหตุนี้ รถเก๋งขนาดใหญ่เหล่านี้จึงมักมีกล้องถอยหลังและเซ็นเซอร์เพื่อความปลอดภัย ซึ่งหากคุณขับรถในเมืองเป็นประจำรถซีดานขนาดเล็กมักขับง่ายกว่าด้วยขนาดที่กะทัดรัดกว่า และโดยทั่วไปมักหมายถึงราคาที่ย่อมเยามากขึ้น
2. พื้นที่ภายในห้องโดยสาร
ซีดานที่มีขนาดต่างกันก็หมายความว่าพื้นที่ภายในรถก็แตกต่างกันมากเช่นกัน โดยทั่วไป รถเก๋งส่วนใหญ่ปกติจะมีที่นั่งเพียงพอสำหรับผู้โดยสาร 5 คน (รวมคนขับ) อย่างไรก็ตาม สำหรับรถซีดานขนาดเล็กบางรุ่น เบาะหลังอาจเล็ก และอาจะเพียงพอสำหรับผู้ใหญ่เพียงสองคนและเด็กหนึ่งคนเท่านั้น ในขณะที่ รถซีดานขนาดกลางหรือขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะสามารถรองรับผู้ใหญ่สามคนได้อย่างสบายๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบโดยรวมของรถและอาจแตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อ รถซีดานบางรุ่น ซึ่งโดยปกติจะเป็นรุ่นหรูหราระดับไฮเอนด์หรือรุ่นสปอร์ต จะมีเบาะนั่งด้านหลังที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่ 2 คน โดยมีที่วางแขนกั้นตรงกลางเพื่อความเป็นส่วนตัว
รถซีดานบางรุ่นยังมาพร้อมกับแนวหลังคาที่ลาดเอียงที่ด้านหลัง ซึ่งอาจส่งผลต่อพื้นที่ด้านบน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้โดยสารที่ตัวสูง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทดสอบพื้นที่ภายในรถกับเพื่อนและครอบครัวของคุณ หากคุณตั้งใจจะซื้อรถเก๋งเพื่อใช้เป็นรถประจำวัน
3. พื้นที่เก็บสัมภาระ
รถซีดานส่วนใหญ่มีพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถแยกออกจากห้องโดยสาร ตรงข้ามกับรถแฮทช์แบค/เอสยูวีที่โดยทั่วไปแล้วสามารถเข้าถึงพื้นที่เก็บสัมภาระได้จากพื้นที่ผู้โดยสาร บางคนชอบการออกแบบพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถของรถซีดานเนื่องจากอาจมองว่าให้ความปลอดภัยมากกว่าและสามารถจัดเก็บสิ่งของได้อย่างปลอดภัยโดยไม่หกเลอะเทอะในบริเวณห้องโดยสาร
แต่เช่นเดียวกับพื้นที่ห้องโดยสาร พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาดของรถซีดาน ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบจำนวนพื้นที่เก็บสัมภาระที่มีเพื่อดูว่าเพียงพอต่อความต้องการของคุณหรือไม่ โดยบริษัทผู้ผลิตส่วนใหญ่ใช้ถุงกอล์ฟ รถเข็นเด็กหรือกระเป๋าเดินทางเพื่อแสดงให้เห็นถึงความกว้างขวางของพื้นที่เก็บสัมภาระ
อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงคือรูปแบบและขนาดของกระโปงท้ายรถ ควรคำนึกว่าการออกแบบนั้นเอื้ออำนวยการขนถ่ายสิ่งของต่างๆหรือไม่ หรือสามารถใส่สิ่งของที่ยาวได้สะดวกหรือไม่? อีกทั้งรถซีดานบางรุ่นยังมีเบาะหลังที่สามารถพับลงได้ ซึ่งจะเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ และมีประโยชน์ในการช่วยรองรับสิ่งของที่มีขนาดใหญ่หรือยาวได้ดีขึ้น เพราะฉนั้นหากคุณกำลังจะซื้อรถซีดานควรตรวจสอบความง่ายในการพับเบาะหลัง รวมถึงขนาดและรูปทรงของกระโปงท้ายและทดลองว่าสามารถบรรจุสิ่งของขนาดใหญ่ได้สะดวกหรือไม่
4.ขับหน้า ขับหลัง หรือขับเคลื่อนสี่ล้อ
รถซีดานส่วนใหญ่ในปัจจุบันเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) แต่ก็มีรถซีดานจำนวนหนึ่งที่ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) หรือขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD)
ความแตกต่างที่สำคัญคือในแง่ของความสามารถในการขับขี่ รถซีดานระบบขับเคลื่อนล้อหลัง มักถูกสงวนไว้สำหรับรถซีดานขนาดใหญ่และมีราคาที่สูงกว่าซึ่งให้ความสำคัญกับความสนุกสนานในการขับขี่เป็นอันดับแรก ในขณะที่รถซีดานขับเคลื่อนสี่ล้อ มักจะมีจำหน่ายในประเทศที่มีสภาพอากาศเปียกชื้นและอากาศหนาวเนื่องจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อให้เสถียรภาพและความสามารถในการยึดเกาะถนนที่สูงกว่า
สำหรับรถเก๋งขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนสี่ล้อนั้น มักมีพื้นที่ภายในด้านหลังน้อยกว่าเล็กน้อย เนื่องจากต้องรองรับระบบขับเคลื่อนและส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องซึ่งส่งกำลังของเครื่องยนต์ไปยังล้อหลัง ในทางตรงกันข้าม รถยนต์ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าไม่มีความจำเป็นนี้ ดังนั้นจึงสามารถออกแบบให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารมากขึ้นสำหรับความสะดวกสบายของผู้โดยสาร
5. ประเภทเครื่องยนต์และประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง
รถซีดานทั่วไปอาจประหยัดน้ำมันได้ดีกว่ารถ SUV หรือ MPV ที่มีขนาดเท่ากัน เนื่องจากรถซีดานมีรูปทรงที่เตี้ยและโฉบเฉี่ยวกว่า ทำให้มีข้อได้เปรียบด้านอากาศพลศาสตร์ซึ่งทำให้ได้รับประโยชน์ด้านประสิทธิภาพที่มากกว่า โดยทั่วไปแล้วรถซีดานสามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่ารถ SUV ขนาดใกล้เคียงกันประมาณ 15 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น ขนาดเครื่องยนต์ และน้ำหนักของรถ รถซีดานที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ (ความจุมากกว่า 3,000 ซีซี) มักจะใช้เชื้อเพลิงมากกว่าเครื่องยนต์ขนาดเล็ก เช่นเดียวกัน รถซีดานขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากกว่าก็จะใช้เชื้อเพลิงมากกว่ารถซีดานขนาดเล็ก เนื่องจากต้องการเชื้อเพลิงมากกว่าเพื่อขับเคลื่อนรถ รถซีดานขนาดเล็กและเบาจะมีน้ำหนักระหว่าง 1,000 กก. ถึง 1,400 กก. ในขณะที่รถซีดานขนาดใหญ่และหนักจะอยู่ระหว่าง 1,800 กก. ถึง 2,000 กก. หรือมากกว่านั้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ มีรถซีดานไฮบริดและรถซีดานพลังงานไฟฟ้าที่สามารถให้ประสิทธิภาพที่โดดเด่นเหนือกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไป ดังนั้นจึงควรพิจารณาว่าประสิทธิภาพและความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณหรือไม่ รถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ายังมีการเบรกแบบสร้างพลังงานใหม่เพื่อกู้คืนพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า
6. คุณลักษณะด้านความปลอดภัย
คุณสมบัติที่ควรคำนึกอีกหนึ่งเรื่องก่อนซื้อรถคือสิ่งอำนวยความปลอดภัยที่รถรุ่นนั้นมีให้ เช่น จำนวนถุงลมนิรภัย การเตือนการชนด้านหน้า เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ การตรวจจับและเตือนจุดบอดซึ่งสามารถช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น
7. เกียร์อัตโนมัติหรือเกียร์ธรรมดา ในขณะที่รถใหม่จำนวนมากในปัจจุบันมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งประโยชน์หลักๆ ของเกียร์อัตโนมัติคือการขับขี่ที่ง่ายขึ้น เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองหรือเหยียบคลัตช์ โดยเฉพาะในการจราจรในเมืองที่คับคั่ง อย่างไรก็ตาม เกียร์อัตโนมัติมักมีความซับซ้อนทางกลไกมากขึ้น และอาจมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมที่สูงกว่าเกียร์ธรรมดา ฉนั้นแม้ว่าเกียร์ธรรมดาอาจต้องใช้ความพยายามมากกว่าเล็กน้อยในการขับขี่ แต่การแก้ไขและซ่อมแซมทำได้ค่อนข้างง่ายกว่าทำให้บางคนอาจชื่นชอบความรู้สึกของการขับรถเกียร์ธรรมดา