ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัดในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี บอกได้เลยว่าเป็นสภาพอากาศที่ทำให้ระบบปรับอากาศและระบบระบายความร้อนในรถยนต์ทำงานหนักมาก ถ้าทั้งสองระบบนี้ทำงานหนักจนระบบล้มเหลวหรือเสียหาย จะส่งผลกระทบกับการทำงานของระบบอื่นๆ ด้วย ส่วนเจ้าของรถหรือผู้ที่โดยสารไปด้วยจะได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก แล้วจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการใช้งานในสภาพอากาศร้อนสูงขนาดนี้ เพื่อให้รถยนต์สามารถใช้งานได้ตามปกติในสภาพอากาศร้อนจัด
ล้างแผงแอร์และหม้อน้ำแบบง่ายๆด้วยตัวเอง
หน้าที่ของแผงคอยล์ร้อนแอร์และหม้อน้ำคือมีหน้าที่ระบายความร้อนของระบบ แต่ปัญหาของการใช้งานคือแผงระบายความที่อยู่นอกตัวรถนั้นจะต้องรับฝุ่นดินโคลน หรือแม้ใบไม้ซากแมลงต่างๆ มาอุดตันที่ครีบระบายความร้อน ทำให้ประสิทธิ์ภาพในการระบายความร้อนลดลง ผลที่ตามมาคืออาจจะทำให้แอร์ไม่เย็นหรืออาจจะทำให้เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีทได้ และจะส่งผลตามมาคือความเสียหายของเครื่องยนต์ อาจต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหลายหมื่นบาท
การล้างแผงระบายความร้อนทำไม่ยาก หาซื้อโฟมทำความสะอาดแผงระบายความร้อนจากร้านขายอะไหล่แอร์รถยนต์หรือร้านอะไหล่รถยนต์ อ่านคู่มือการใช้งานซึ่งส่วนใหญ่จะให้ฉีดไปที่แผงแอร์และหม้อน้ำ แล้วทิ้งไว้ตามเวลาที่กำหนดแล้วใช้น้ำฉีดสวนจากด้านในห้องเครื่องออกมา ใช้น้ำจากสายยางล้างรถได้เลยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำแรงดันสูง แค่นี้ก็จะทำให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ
เปลี่ยนไส้กรองแอร์ภายในห้องโดยสาร
ไส้กรองที่มีคุณภาพช่วยทำให้การกรองฝุ่นทำได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ และทำให้การไหลของอากาศเต็มประสิทธิ์ภาพ ไส้กรองคุณภาพต่ำนอกจากทำให้การกรองไม่มีคุณภาพแล้วยังทำให้แรงลมลดลงด้วย การลดความร้อนภายในห้องโดยสารต้องใช้เวลานานมากขึ้น
ป้องกันความร้อนไม่ให้เข้าในห้องโดยสาร
ความร้อนภายในห้องโดยสารคือการที่แสงแดดส่องผ่านกระจกรอบคันเข้าไปในห้องโดยสาร อีกส่วนหนึ่งคือผ่านหลังคาที่เป็นโลหะของรถบางรุ่นที่มี ซันรูพหรือพาโนรามิกยิ่งทำให้ความร้อนเข้าห้องโดยสารได้มากขึ้น สิ่งที่ช่วยลดความร้อนเข้าห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ “ฟิล์มกรองแสง” ควรเลือกใช้ฟิล์มที่มีคุณภาพสูงแน่นอนว่าราคาค่อนข้างสูง แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะเราใช้รถกลางวันมากกว่ากลางคืน เมื่อต้องจอดรถตากแดดควรใช้แผ่นบังแดดที่สามารถสะท้อนความร้อนได้ดี ส่วนใหญ่จะเป็นแผ่นโฟมที่หุ้มด้วยแผ่นสะท้อนความร้อนสีเงิน ใช้บังทั้งกระจกหน้าและกระจกหลังเพราะเป็นส่วนที่รับความร้อนมากที่สุด และควรแง้มกระจกไว้เล็กน้อยเพื่อให้เกิดการถ่ายเทความร้อนภายในห้องโดยสาร หรือเลือกใช้ผ้าคลุมรถคุณภาพสูงแบบคลุมครึ่งคันที่คลุมเฉพาะแนวกระจกและหลังคา แบบนี้จะใช้ลดความร้อนภายในห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รถอายุมากกว่า 5 ปีต้องดูแลมากเป็นพิเศษ
รถที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปี หรือมีระยะการใช้งานมากกว่า 100,000 – 120,000 กม. ระบบระบายความร้อนต้องดูแลมากเป็นพิเศษ สารระบายความร้อนในระบบหล่อเย็นส่วนมากจะมีระยะเปลี่ยนถ่ายที่ 100,000 – 150,000 กม. ตามคู่มือ ในการใช้งานจริงควรเปลี่ยนเร็วขึ้นเพราะเมืองไทยความร้อนและความชื้นสูง พัดลมระบายความร้อนไม่ว่าจะเป็นพัดลมไฟฟ้าหรือพัดลมหน้าเครื่องจะมีการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน รถที่มีระยะการใช้งานน้อยแต่ชั่วโมงการทำงานของเครื่องยนต์มากอย่างรถที่ใช้งานในเมือง พัดลมไฟฟ้าและพัดลมหน้าเครื่องจะเสื่อมภาพเร็วกว่าปกติ เมื่อรถติดแล้วแอร์ไม่เย็นฉ่ำแต่พอรถเริ่มใช้ความเร็วได้แอร์กลับมาเย็นฉ่ำเหมือนเดิม กรณีตรวจเช็คแล้วว่าสารทำความเย็นไม่ขาดจากระบบ อาจเป็นเพราะว่าพัดลมเสื่อมสภาพควรเปลี่ยนมอเตอร์พัดลมใหม่หรือถ้าเป็นพัดลมหน้าเครื่องต้องเปลี่ยนฟรีปั๊มใหม่ เพื่อให้การระบายความร้อนและแอร์กลับมามีประสิทธิภาพเหมือนเดิม