ภัยธรรมชาติเป็นสิ่งเหนือการควบคุม ดังนั้นการเตรียมตัวหรือความรู้ความเข้าใจที่ดี จึงเป็นสิ่งจำเป็นในยามที่เราต้องรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น อาทิเช่น อุทกภัย ที่แทบจะต้องเจอกันเป็นประจำทุกปี หนักเบาแตกต่างกันไปตามสภาพการณ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่สำหรับคนรักรถ แล้วจะต้องทำอย่างไรกับรถคันโปรด เมื่อต้องเจอกันสถานการณ์ดังกล่าว
ในกรณีที่เราอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยหรืออยู่ในพื้นที่ที่น้ำท่วมถึง การมองหาจุดจอดรถบนที่สูงจึงเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ไม่ยาก และเชื่อว่าจะเป็นความคิดอันดับต้นๆเมื่อต้องเจอกับช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ดีควรมองหาที่จอดรถที่มีความปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่นพื้นที่จอดรถของห้างสรรพสินค้า หรืออาคารต่างๆ ซึ่งบางแห่งจะยกเว้นค่าจอดรถในยามที่ต้องเจออุทกภัย
สภาพแวดล้อมรอบๆเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องพิจารณา ในกรณีที่ไม่ได้จอดรถไว้ในอาคารหรือสถานที่ปิด หากช่วงเวลาดังกล่าวถูกซ้ำด้วยพายุ ซึ่ง ต้นไม้ เสาไฟฟ้า ถังขยะ หรือวัตถุต่างๆที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับรถของคุณได้ เป็นส่วนที่ควรหลีกเลี่ยง หรืออยู่ให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้
การถอดแบตเตอรี่เป็นสิ่งที่พึงกระทำเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายต่อระบบไฟฟ้า หากคิดว่ามีโอกาสที่น้ำจะท่วมถึงบริเวณห้องเครื่อง แน่นอนว่าหากระดับสูงขนาดที่สามารถท่วมถึงห้องเครื่องได้ ส่วนอื่นๆภายในตัวรถก็น่าจะได้รับความเสียหายเช่นกัน อย่างไรก็ดีการถอดแบตเตอรี่เพื่อตัดการทำงานของระบบไฟฟ้า น่าจะช่วยให้ความเสียหายเบาบางลง
เหนือสิ่งอื่นใดความปลอดภัยของตัวเราเองเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุด ถึงแม้จะห่วงรถคันโปรดมากแค่ไหน ก็ไม่คุ้มที่จะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงจนมากเกินไป ในช่วงเวลาที่ต้องหาที่ปลอดภัยสำหรับรถคันโปรด เอาแค่เท่าที่พอทำได้และมีโอกาสที่จะเกิดความเสียหายต่อตัวเองหรือตัวรถให้น้อยที่สุด
หากหนีไม่ทันและโดนน้ำท่วม…ต้องทำอย่างไร?
การสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นสิ่งแรกที่ไม่ควรกระทำ เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบต่างๆเมื่อต้องแช่อยู่ในน้ำ หลังจากนั้นก็ประเมินสถานการณ์และดูระดับน้ำว่าอยู่ระดับใด สร้างความเสียหายมากน้อยแค่ไหน หากอยู่ต่ำกว่าขอบประตูก็มีความเป็นไปได้ที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อเคลื่อนย้ายรถออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว
ในกรณีที่ระดับน้ำท่วมถึงบริเวณกลางประตู ห้ามเปิดประตูเด็ดขาดแนะนำให้ลดกระจกลงและปีนออกจากรถ เพื่อลดโอกาสที่น้ำจะเข้าไปยังห้องโดยสาร หากระดับน้ำสูงถึงระดับของหน้าต่างและมีทีท่าว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย สิ่งเดียวที่ต้องทำคือให้รีบนำตัวเองออกจากรถไปอยู่ในที่ปลอดภัย
หลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายให้กับรถมากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนือการควบคุมของเรา แม้จะรักและห่วงรถเพียงใด ความปลอดภัยของตัวเราเป็นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง และแก้สถานการณ์ตามแนวทางที่ควรจะเป็น