BEV-PHEV เลือกใช้อย่างไรให้ตอบโจทย์

ในยุคที่ยานยนต์พลังงานทางเลือก มีให้เลือกใช้มากขึ้นในยุคปัจจุบัน จากการขยับตัวของบรรดาค่ายผู้ผลิตตอบสนองความต้องการในรูปแบบที่แตกต่างกัน เปิดตลาดด้วย ขุมพลังไฮบริด ซึ่งเป็นทางเลือกอันดับต้นๆในตลาดประเทศไทย   ก่อนจะยกระดับเพิ่มเป็น ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) มาพร้อมฟังก์ชั่น การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% (BEV) ที่กำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน 

มาพร้อมคำถามที่อาจสร้างความลังเลใจให้กับผู้บริโภค ในการเลือกจับจองเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานทางเลือกสักคัน หากมองถึงปัจจัยด้านความประหยัดและตอบสนองความต้องการได้เต็มประสิทธิภาพ ก็น่าจะเป็น ปลั๊ก-อิน   ไฮบริด (PHEV) และ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% (BEV) ที่น่าจะตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด หากมองจาก 3 ทางเลือกขั้นต้นที่มีให้จับจองในตลาดประเทศไทย

แล้ว 2 ประเภทนี้จะเลือกใช้แบบไหนดี ? ขอไล่เรียงจาก ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) ซึ่งเป็นการยกระดับขุมพลังไฮบริดให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้นั่นเอง ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าเชื้อเพลิง ที่เหนือกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่ยังไม่อยากก้าวไปสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเต็มตัว ทั้งยังสามารถเลือกที่จะขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ได้ในระดับที่น่าพอใจ  

รวมถึงความสะดวกสบายในการใช้งานเนื่องด้วยการทำงานที่ผสานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์เป็นขุมพลังหลัก ดังนั้นการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงจึงเป็นเรื่องที่ง่ายและรวดเร็วกว่าการชาร์จไฟฟ้า ซึ่งสร้างความอุ่นใจและมั่นใจให้กับการขับขี่ เนื่องจากจำนวนปั๊มป์น้ำมันที่ครอบคลุมการใช้งานมากกว่าสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ในยุคปัจจุบันนั่นเอง ดังนั้นหากยังไม่มั่นใจในเรื่องระบบนิเวศน์ยานยนต์ยนต์พลังงานไฟฟ้า ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) น่าจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับคุณ

แต่ถ้ามองถึงความประหยัดจริงๆ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% (BEV) เป็นทางเลือกที่สนองความต้องการได้ดีอย่างแน่นอน ไล่เรียงจากค่าชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ที่มีราคาถูกกว่าค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นจุดเด่นของยานยนต์แห่งยุคถัดไป อย่างไรก็ดีต้องคำนึงถึงการใช้งานด้วยเช่นกัน ว่ารูปแบบการใช้งานของคุณนั้นเป็นแบบไหน  

หากใช้ในรูปแบบซิตี้คาร์เน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก หรือใช้ขับขี่ระยะทางสั้นๆในแต่ละวัน เดินทางไป-กลับ ที่บ้าน-ที่ทำงาน รับรองว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% (BEV) ตอบโจทย์อย่างแน่นอน กลับถึงบ้านก็เสียบปลั๊กชาร์จไฟ เช้าก็พร้อมใช้งาน หรือถ้าที่ทำงานมีที่ชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ ก็ยิ่งสะดวกสบายขึ้นไปอีก เพิ่มความอุ่นใจและสร้างความมั่นใจให้กับการใช้งาน

 รวมถึงค่าดูแลรักษาที่น้อยมากๆเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่เป็นกำลังขับเคลื่อนหลักนั้นไม่ต้องใช้บรรดาสารหล่อลื่นต่างๆ จึงช่วยเซฟค่าใช้จ่ายส่วนนั้นไปได้เยอะ หรือในกรณีที่ต้องใช้เดินทางออกทริป ค่าใช้จ่ายในเรื่องของพลังงานนั้นอยู่ในระดับที่สร้างรอยยิ้มให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างแน่นอน ทว่าต้องวางแผนการเดินทางให้ดีในเรื่องของสถานีชาร์จไฟฟ้า ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาหากมีการเตรียมตัวที่ดี

ลองชั่งน้ำหนักและถามตัวเองดูว่ารูปแบบการใช้งานของตนเองนั้น เหมาะกับรถประเภทไหน ซึ่ง รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% (BEV) หรือ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) ก็มีความน่าสนใจ และตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันไป อยู่ที่ว่าท้ายที่สุดแล้ว ความต้องการของเรานั้นอยู่ที่ตรงจุดไหน หรือไปลองขับขี่เพื่อชั่งน้ำหนักประกอบการตัดสินใจ ก็เป็นสิ่งที่พึงกระทำเช่นกัน