5 อันดับรถยนต์มือสองยอดฮิต…ซื้อง่าย ขายคล่อง เป็นที่ต้องการของคนรักรถ

Mercedes-Benz CLS 220d AMG Premium

เป็นรถยนต์อีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเสมอมา ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้ความรู้สึกแบบสปอร์ตคูเป้แต่หรูหราและใช้งานได้แบบ   รถซีดาน นับตั้งแต่เปิดตัวในเมืองไทยก็ได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย ในเวอร์ชั่นที่เป็น AMGPremium ยิ่งได้รับความนิยมมากมีการยกระดับความเป็นสปอร์ตและความภูมิฐานเหนือชั้นมากยิ่งขึ้น ไม่แปลกเลยที่จะเห็นผู้คนต่างค้นหารถยนต์รุ่นนี้ 

ดีไซน์ของตัวรถจึงดูสปอร์ตกว้างขวางแต่แฝงไว้ซึ่งความเป็นสปอร์ต      พรีเมี่ยม ด้วยชุดพาร์ทจาก AMG นอกจากดีไซน์ภายนอกที่ดูหราหราสง่างามแล้วล้อ AMG แบบ Multi spoke ขนาด20 นิ้ว ยิ่งดึงดูดสายตาจากผู้คนรอบข้าง การออกแบบภายในห้องโดยสารก็หรูหราแพรวพราวเพียบพร้อมไปด้วยระบบอำนวยความสะดวกเหนือชั้น 

จุดเด่นที่ทำให้รถยนต์รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเสมอมาคือ เรื่องของสมรรถนะและความประหยัดอันเลื่องชื่อ เครื่องยนต์ดีเซลรหัส OM 654 แบบ 4 สูบ ความจุ 1,993 cc. Common rail Direct injection มาพร้อมกับ Turbocharged และ Intercooler มีกำลัง 194 แรงม้า / 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 1,600-2,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 9G-Tronic เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีสมรรถนะสูงขับสนุกและประหยัดน้ำมัน

Range Rover Velar

Range Rover Velar เป็นความพอดีที่ลงตัว ถูกวางตำแหน่งไว้ระหว่าง Range Rover Evoque และ Range Rover Sport มีความคล่องตัวสูงแฝงไว้ด้วยความเป็นสปอร์ตปราดเปรียว โครงสร้างใช้วัสดุอะลูมิเนียมคุณภาพสูงที่มีความแข็งแกร่งและมีน้ำหนักเบา ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ double-wishbone ด้านหลังแบบ Integral Link ระยะฐานล้อ 2,874 มม. ระยะต่ำสุดของใต้ท้องอยู่ที่ 251 ม.ม. สามารถลุยน้ำถึง 650 มิลลิเมตร และมีเทคโนโลยี Terrain Response เพื่อใช้ในรถยนต์แลนด์โรเวอร์โดยเฉพาะ ระบบควบคุมความเร็วตามสภาพถนน (All Terrain Progress Control) ระบบช่วยป้องกันไม่ให้ล้อหมุนฟรี บนพื้นผิวที่มีแรงเสียดทานต่ำ (Low Traction Launch) ระบบควบคุมขณะขับลงทางลาดชัน (Hill Descent Control) และระบบควบคุมการปล่อยแรงเบรกขณะเคลื่อนตัวบนทางลาดชัน (Gradient Release Control) รวมถึงมีความสามารถในลากจูงน้ำหนักสูงถึง 2,500 กิโลกรัม ที่จะทำให้ลุยไปได้ในทุกสภาพเส้นทาง ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ Diesel Common Rail มีกำลัง 180 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านอัตโนมัติ ZF8 สปีด อัตราปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 145 กรัม/กม. มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน all-wheel drive system อันเลื่องชื่อ 

ภายในห้องโดยสารให้ความสะดวกสบายหรูหราครบครัน ด้วยเทคโนโลยีระบบอินโฟเทนเมนท์ สามารถควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Pro Duo ความละเอียดสูงขนาด 10 นิ้ว ระบบการแสดงผลและใช้งานสามารถทำได้ง่ายดายไม่ซับซ้อน เบาะนั่งใช้วัสดุคุณภาพสูงให้สัมผัสที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวลหรูหราและทนทานตามสไตล์ของตัวรถ ครบถ้วนด้วยระบบความปลอดภัยและระบบอำนวยความสะดวกครบครัน 

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+

เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าเก็บไว้ในครอบครอง เป็น Mercedes-AMG สมรรถนะสูงระดับ 435 แรงม้า ในราคาที่ใครๆ ก็เอื้อมถึงในปัจจุบัน ความแรงระดับตำนาน One man, one engine. เครื่องยนต์สมรรถนะสูงจาก AMG ที่ใช้ช่างเทคนิคดีกรีทีมแข่งระดับโลกเป็นผู้ประกอบขึ้นมาด้วยมือ 1 เครื่องยนต์ ต่อ ช่างหนึ่งคน เครื่องยนต์ที่ประกอบขึ้นจึงเสมือนงานศิลป์จากช่างผู้มีประสบการณ์สูง เครื่องยนต์ 6 สูบ 3,000 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 435 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดถึง 520 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 1,800 – 5,800 รอบ/นาที พร้อมเทคโนโลยี EQ Boost ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเพิ่มสมรรถนะมอเตอร์มีกำลังสูงถึง 22 แรงม้า มีแรงบิดถึง 250 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ AMG Speedshift TCT 9G แบบ 9 สปีด ในตัวรถที่เป็น Mercedes-AMG นั้นไม่ได้เพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียวระบบเกียร์ถูกปรับแต่งใหม่ให้รองรับแรงม้าแรงบิดได้อย่างสบายๆ สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ

ตัวรถถูกปรับแต่งเพิ่มเติมความเป็นสปอร์ตและสมรรถนะด้านต่างๆ ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 20 นิ้ว ล้อหน้า 245/35R20 ล้อหลัง 275/30R20  มุมมองด้านหลังให้ความรู้สึกสปอร์ตด้วยชุด AMG Spoiler-lip ปลายท่อไอเสียแบบ 4-pipe look หม้อพักไอเสียเสริมสมรรถนะจาก AMG Sports exhaust system ดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ ทำงานคู่กับคาลิปเปอร์เบรกสีเทาที่มาพร้อมสัญลักษณ์ AMG พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ AMG Performance 4MATEC+ ที่เหนือชั้นขึ้นไปอีก  

กลิ่นอายภายในห้องโดยสารเต็มอารมณ์สปอร์ตโทนสีดำ สลับด้วยทริมสไตล์โครเมี่ยมและลวดลายคาร์บอนไฟเบอร์ เบาะคู่หน้า  AMG Sport seat เติมเต็มความเป็นสปอร์ตด้วยการเดินตะเข็บสีแดงรับกับสายเข็มขัดนิรภัยสีแดง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง nappa คุณภาพสูง ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต กาบบันได สเตนเลส พร้อมสัญลักษณ์ AMG แบบเรืองแสง อุปกรณ์มัลติมีเดียอย่าง MB Audio 20 และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® 

 Mercedes-AMG A35 55 Edition

เวอร์ชั่นพิเศษถ้าเจอควรเก็บเข้าคอลเลคชั่น เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 55 ปี ของ AMG เล็กพริกขี้หนูที่แซ่บซ่านถึงใจ ความแรงจากเครื่องยนต์บล็อกเล็กทำให้ให้การบังคับควบคุมทำได้ง่ายขึ้น กรอปกับมิติตัวรถที่กระทัดรัดตามสไตล์รถแฮชท์แบ็คความสนุกและความเร้าใจหาได้เพียงกระแทกคันเร่งลงไป เป็นเครื่องยนต์ที่เหมาะกับการใช้งานทุกวัน ขุมกำลังเป็นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 306 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กม./ชม. 

รุ่นครบรอบ 55 ปีมาพร้อมสีพิเศษ 2 สี Cosmos Black metallic และ Digital White metallic ภาพลักษณ์ภายนอกดูเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความดุดัน ด้วยชุด AMG Aerodynamics Package ความโหดและความไม่ธรรมดาคือด้านหลังไม่ว่าเป็นสปอยเลอร์และดิฟฟิวเซอร์หลังรวมถึงชุดปลายท่อไอเสียโทนสีดำ มีให้เลือกสองสไตล์ด้วยชุดแต่ง AMG Night และ Night II Packages มุมมองด้านข้างดูเผ็ดร้อนด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว สีทูโทนสลับด้วยโทนสรไทเทเนียมด้านสลับสีเงิน ลวดลายของล้อที่เป็นซี่โปร่งเต็มซุ้มล้อรับกับลวดลายสติ๊กเกอร์ด้านข้างยิ่งทำให้ตัวรถดูไม่ธรรมดา 

ภายในห้องโดยสารเต็มอารมณ์สปอร์ตให้ความรู้สึกร้อนแรง ด้วยมาลัย AMG และพรมที่มาพร้อมโลโก้ครบรอบ 55 ปี การตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยการใช้ขอบทริมสีดำสลับแดงเบาะคู่หน้าสไตล์  Bucket Seat จาก AMG Performance รับกับแผงประตูที่ตัดขอบด้วยโทนสีอลูมิเนียมสไตล์สปอร์ต 

Land Rover Defender 75th Limited Edition 

Defender น่าจะเป็นรถยนต์รุ่นแรกๆ ที่ได้เดินทางไปทุกภูมิประเทศทั่วโลก กว่า 7 ทศวรรษที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็น สร้างตำนานไว้อย่างยาวนานไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผู้คนถึงได้ยังคงรักษาหรือปรับสภาพรถยนต์ Defender รุ่นเก๋าให้มาอยู่ในคอลเลคชั่นในโรงรถ สำหรับเวอร์ชั่นพิเศษนี้ถูกผลิตมาเพื่อการเฉลิมฉลองความสำเร็จครบรอบ 75 ปีของแลนด์โรเวอร์ ในจำนวนจำกัดทั่วโลกและมีเพียง 10 คันในประเทศไทย

นับตั้งแต่ปี 1948 รถยนต์ Land Rover Defender Series I เปิดตัวเป็นครั้งแรกในในโลก ในงานอัมสเตอร์ดัมมอเตอร์โชว์ความโดดเด่นคือสมรรถนะในด้านการลุยในพื้นที่ธุรกันดาล มีความทนทานสูงตัวรถปลอดสนิมทำให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก การออกแบบภายนอกที่เรียบง่ายแต่โดดเด่นยังคงรักษาความเป็น Defender ไว้อย่างเหนียวแน่น มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ในโทนสี Grasmere Green เอกลักษณ์เฉพาะตัว 

ภายในห้องโดยสารเน้นความอเนกประสงค์ในการใช้งาน โดดเด่นด้วยโทนสีขาวและลวดลายกราฟิกเฉลิมฉลองครบ 75 ปี เบาะนั่งหุ้มด้วย Resist Ebony บริเวณแผงคอนโซลกลางใช้วัสดุ Robustec มีความแข็งแรงทนทานตามสไตล์ของรถยนต์สายลุย เวอร์ชั่นพิเศษนี้พัฒนามาจากพื้นฐานของ Defender 110 รุ่น HSE เพรียบพร้อมด้วบอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยครบครัน เช่น กล้อง 3D แบบรอบทิศทาง ระบบเสียง Meridian พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ Pivi Pro ขนาด 11.4 นิ้ว จอแสดงผล Head-Up Display และที่ชาร์จอุปกรณ์แบบไร้สาย หลังคาพาโนรามิกแบบเลื่อนได้ พร้อมความสะดวกสบายแบบเหนือชั้น ด้วยเบาะนั่งไฟฟ้า 14 ทิศทางสำหรับทั้งคนขับและผู้โดยสาร ระบบปรับอากาศแบบแยกสามโซนให้ความเย็นสบายทั่วถึงทุกตำแหน่งที่นั่ง 

รูปแบบของขุมพลังเป็นแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตรที่ให้กำลังสูงถึง 300 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 105 กิโลวัตต์ มีกำลังรวมถึง 404 แรงม้า ใช้แบตเตอรี่ความจุ 19.2 kWh สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 5.6 วินาทีระบบขับขี่ตามสภาพพื้นผิวถนนที่ผู้ขับขี่สามารถปรับเลือกเองได้และแบบอัตโนมัติ